“แผลริมอ่อน” เป็น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย โดยสังเกตได้จากแผลบริเวณอวัยวะเพศ ริมฝีปาก ขาหนีบ แผลริมอ่อนเป็นโรคที่อันตราย เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ รอยแผลเป็นบนหนังหุ้มปลายองคชาต แผลริมอ่อนสามารถพัฒนาเป็นการติดเชื้อที่รุนเเรงมากขึ้นได้และทำให้รักษาแผลได้ยากมากขึ้นหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา

แผลริมอ่อน คืออะไร

แผลริมอ่อน (Chancroid) เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus ducreyi ทำให้เกิดเป็นแผลบริเวณอวัยวะเพศบางครั้งเรียกว่า “โรคซิฟิลิสเทียม” เนื่องจากทำให้เกิดแผลได้เช่นกันต่างกันตรงที่ แผลริมอ่อนจะมีอาการเจ็บ ปวด แต่แผลซิฟิลิสจะไม่มีอาการปวด แผลริมอ่อนเป็นได้ทั้งหญิงและชาย มีการติดต่อกันได้ง่าย ส่วนมากติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน อาการเด่นคือ ทำให้มีแผลบริเวณอวัยวะเพศและต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตและเจ็บ หรืออาจเกิดแผลบริเวณอื่นๆเช่นปากหรือก้นตามวิธีการที่มีเพศสัมพันธ์ แต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่ง

สาเหตุของแผลริมอ่อน

แผลริมอ่อน เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ฮีโมฟิลัส ดูเครย์ (Haemophilus ducreyi) จากการสัมผัสโดนของเหลวจากแผลโดยตรง ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น ทางผิวหนังที่เกิดบาดแผลหรือมือที่มีเชื้อไปสัมผัสโดนดวงตา รวมถึงการสัมผัสถูกเชื้อในขณะมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ทั้งการร่วมเพศทางปาก ทางทวารหนัก หรือการมีเพศสัมพันธ์แบบชายหญิงโดยปกติ ระยะฟักตัวของโรค เฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 5-7 วัน

อาการของแผลริมอ่อน

หลังจากได้รับเชื้อประมาณ 5 – 7 วัน อาการที่อวัยวะเพศจะเริ่มจากการเป็นตุ่มนูนและมีอาการเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ หลังจากนั้นจะมีแผลเล็ก ๆ ที่บริเวณแคมเล็กของฝ่ายหญิงหรือบริเวณปลายองคชาตของฝ่ายชาย (อาจเกิดแผลบริเวณอื่น ๆ ได้ด้วยตามวิธีการร่วมเพศ เช่น ปากหรือทวาร) อาจมีหลายแผลหรือมีเพียงแผลเดียวก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีหลายแผล ลักษณะของแผลจะดูคล้ายกับแผลเปื่อย นุ่ม ดูแฉะไม่สะอาด มีเนื้อเยื่อเละ ๆ ที่ก้นแผล ส่วนที่ขอบแผลจะนูน ไม่แข็ง และไม่เรียบ จึงเรียกว่า “แผลริมอ่อน” 

อาการในผู้ชาย

  • เมื่อเกิดแผล ผู้ป่วยจะรู้สึกแสบร้อน และเจ็บปวดที่บริเวณแผลมาก
  • อาจมีตุ่มนูนสีแดงเล็กๆ ขึ้นบนอวัยวะเพศหนังหุ้มปลายองคชาต และถุงอัณฑะ  ซึ่งอาจเปลี่ยนเป็นแผลเปื่อยภายใน 1-2 วัน

อาการในผู้หญิง

  • อาจมีตกขาวมากและกลิ่นรุนแรง
  • อาจรู้สึกอาการคัน แสบร้อน หรือเจ็บในระหว่างที่ขับปัสสาวะหรืออุจจาระ
  • ผู้หญิงที่ติดเชื้อบางรายอาจไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ แต่สามารถแพร่เชื้อโรคแก่ผู้อื่นได้
  • อาจมีตุ่มสีแดง มากกว่าเพศชาย และแผลบวมแดง บนแคมนอก หรือระหว่างแคมนอก รูทวาร หรือบนต้นขา

แผลริมอ่อนมีลักษณะคล้ายโรคอะไรบ้าง ?

แผลริมอ่อนจะมีลักษณะเหมือนกับแผลจากโรคอื่นๆได้คือ

  • เริม ลักษณะจะเป็นตุ่มเล็กๆหลายๆตุ่ม มีลักษณะเจ็บ
  • ซิฟิลิส ลักษณะแผลของซิฟิลิสจะขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ
  • ฝีมะม่วง ลักษณะจะมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต อาจเกิดข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง

การป้องกันแผลริมอ่อน

  • ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลที่อวัยวะเพศ
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรค
  • ควรสวมถุงยางป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
  • หากเป็นแผลที่อวัยวะเพศควรงดการมีเพศสัมพันธ์
  • รักษาความสะอาดของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ

การรักษาแผลริมอ่อน

แผลริมอ่อน รักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) ยาซิโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ยาเซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) ยาอิริโทรมัยซิน (Erythromycin) ซึ่งจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและบรรเทาอาการให้ดีขึ้นภายใน 7 วัน เมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสมและถูกประเภท ยาจะช่วยให้ผู้ป่วยหายได้ไวขึ้นและลดรอยแผลเป็น ในกรณีที่ต่อมน้ำเหลืองบวมจนมีขนาดใหญ่หรือเกิดฝีภายในต่อมน้ำเหลือง ผู้ป่วยอาจต้องเข้ารับการผ่าตัด เพื่อระบายเอาหนองหรือฝีออก และลดโอกาสปวดบวมของแผล

ตรวจคัดกรอง รักษา แผลริมอ่อน เชียงใหม่

แผลริมอ่อน สามารถพัฒนาเป็นการติดเชื้อที่รุนเเรงมากขึ้นได้และทำให้รักษาแผลได้ยากมากขึ้นหากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา หากพบว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคแผลริมอ่อน หรือ พบเจออาการการลักษณะใกล้เคียงกับโรค ควรรีบทำการตรวจและรักษาโดยเร็วที่สุด โดยหนึ่งในช่องทางที่สะดวกสบาย เข้าถึงง่าย และไม่ต้องกังวลกับการเขินอายในการเข้ารับการตรวจ

สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองหรือเข้ารับการรักษา ได้ที่ Hugsa Clinic กลางเวียง เชียงใหม่ ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ติดต่อเรา