โรคอ้วน Obesity

โรคอ้วน Obesity เป็นภาวะทางการแพทย์ที่มีลักษณะเฉพาะ คือ การสะสมของไขมันในร่างกายมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมของบุคคลได้ โดยทั่วไปจะมีการกำหนดตามดัชนีมวลกาย (BMI) ของบุคคล ซึ่งเป็นค่าตัวเลขที่ได้มาจากน้ำหนักและส่วนสูงของบุคคล โดยทั่วไปค่าดัชนีมวลกาย (BMI) 30 ขึ้นไปถือเป็นตัวบ่งชี้ถึงโรคอ้วน

โรคอ้วนสามารถแบ่งระดับได้ ดังนี้

  • น้ำหนักเกิน (Overweight) : มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 25 – 29.9
  • อ้วน (Obesity) : มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 30 – 39.9
  • อ้วนมาก (Severe obesity) : มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 40

สาเหตุของ โรคอ้วน

สาเหตุของ โรคอ้วน

โรคอ้วนเป็นภาวะที่ซับซ้อนซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายประการ แม้ว่าสาเหตุมักเกิดจากการกินมากเกินไป และขาดการออกกำลังกาย แต่สาเหตุของโรคอ้วนนั้นซับซ้อนกว่ามาก ต่อไปนี้เป็นปัจจัยหลักบางประการที่ทำให้เกิดโรคอ้วน

  • การเลือกรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่สูง สารอาหารต่ำ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม
  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรม
  • ปัจจัยทางอารมณ์และจิตใจ เช่น ความเครียด ความซึมเศร้า อาจส่งผลให้บางคนรับประทานอาหารมากเกินไป
  • ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงซึ่งรวมถึงการเพิ่มน้ำหนักซึ่งอาจทำให้อ้วนได้

การวินิจฉัยโรคอ้วน

การวินิจฉัยโรคอ้วนจะพิจารณาจากค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index หรือ BMI) และเส้นรอบเอว โดยค่าดัชนีมวลกายเป็นค่าที่ใช้วัดน้ำหนักตัวและส่วนสูง โดยคำนวณจากสูตรดังนี้

BMI = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) / ส่วนสูง (เมตร) 2

ค่าดัชนีมวลกายแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่

  • ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ต่ำกว่า 18.5  : ผอม
  • ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 18.5 – 24.9 : น้ำหนักปกติ
  • ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 25 – 29.9 : น้ำหนักเกิน
  • ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ระหว่าง 30 – 39.9 : อ้วน
  • ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 40 : อ้วนมาก

นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาวินิจฉัยโรคอ้วนจากเส้นรอบเอว โดยค่าเส้นรอบเอวที่ 90 เซนติเมตรขึ้นไปในผู้ชาย และ 80 เซนติเมตรขึ้นไปในผู้หญิง บ่งชี้ว่าเป็นโรคอ้วนลงพุง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน เป็นต้น ทั้งนี้ แพทย์อาจพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ประวัติครอบครัว ประวัติสุขภาพ อาการ และผลการตรวจร่างกายอื่นๆ เช่น ความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมันในเลือด เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนของโรคอ้วน

ภาวะแทรกซ้อนของโรคอ้วน

ภาวะแทรกซ้อนของโรคอ้วนที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • โรคเบาหวาน : โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดของโรคเบาหวาน เนื่องจากไขมันที่สะสมในร่างกายจะส่งผลให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
  • โรคความดันโลหิตสูง : ไขมันที่สะสมรอบๆ เส้นเลือดจะทำให้เส้นเลือดหนาและแข็งตัว ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
  • โรคหัวใจและหลอดเลือด : ไขมันที่สะสมในหลอดเลือดจะทำให้หลอดเลือดตีบแคบ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้น้อยลง เสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
  • โรคหลอดเลือดสมอง : ไขมันที่สะสมในหลอดเลือดสมองจะทำให้หลอดเลือดสมองตีบแคบ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้น้อยลง เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคมะเร็ง : โรคอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
  • โรคข้ออักเสบ : น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ข้อต่อต่างๆ ต้องรับน้ำหนักมากขึ้น ส่งผลให้ข้อต่อเสื่อมและอักเสบ
  • โรคนอนไม่หลับ : โรคอ้วนอาจส่งผลให้การนอนหลับไม่สนิท ส่งผลให้มีอาการง่วงนอนระหว่างวัน
  • โรคซึมเศร้า : โรคอ้วนอาจส่งผลให้เกิดภาวะซึมเศร้า

นอกจากนี้ โรคอ้วนยังอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมา เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โรคตับ โรคทางเดินหายใจ โรคกระเพาะอาหาร และปัญหาด้านความงาม เป็นต้น

การรักษา โรคอ้วน

แนวทางการรักษาโรคอ้วนที่เหมาะสม จะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรคอ้วน โรคประจำตัวอื่นๆ ของผู้ป่วย และความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสมให้กับผู้ป่วยแต่ละราย การรักษาโรคอ้วน โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่

  1. การปรับพฤติกรรมการดำรงชีวิต (Lifestyle modification) เป็นแนวทางการรักษาที่มีความสำคัญที่สุดและควรเป็นแนวทางแรกในการรักษาโรคอ้วน โดยเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และการออกกำลังกาย
  2. การใช้ยา (Pharmacotherapy) เป็นแนวทางการรักษาที่จะช่วยเสริมให้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปัจจุบันมียาลดน้ำหนักที่ได้รับการรับรองให้ใช้ในประเทศไทยอยู่หลายชนิด เช่น
    • Orlistat (Xenical, Alli) ช่วยลดการดูดซึมไขมันในทางเดินอาหาร
    • Liraglutide (Saxenda) กระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม
    • Naltrexone-bupropion (Contrave) ออกฤทธิ์ยับยั้งความอยากอาหารและเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน
  3. การผ่าตัด (Surgery) เป็นวิธีการรักษาโรคอ้วนที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ควรพิจารณาเป็นทางเลือกสุดท้าย เนื่องจากมีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายสูง โดยแพทย์จะพิจารณาให้การผ่าตัดในกรณีที่ผู้ป่วยมีโรคอ้วนรุนแรง มีโรคร่วม เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น

การป้องกัน โรคอ้วน

การป้องกัน โรคอ้วน

โรคอ้วนเป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของไขมันในร่างกายมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยหลายประการ เช่น พันธุกรรม พฤติกรรมการรับประทานอาหาร พฤติกรรมการใช้ชีวิต เป็นต้น การป้องกันโรคอ้วนสามารถทำได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย โดยแนวทางการป้องกันโรคอ้วน มีดังนี้

  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ อาหารที่มีกากใยสูง และอาหารที่มีโปรตีนสูง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง อาหารที่มีไขมันทรานส์สูง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน ขนมหวาน น้ำอัดลม
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม

ช่องทางการติดต่อ

  • ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
  • เปิดบริการทุกวัน
    • จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.
    • เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ ☎ 093 309 9988
  • แผนที่คลินิก 🚗 https://g.page/hugsa-medical?share
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me

การรักษาโรคอ้วนเป็นการรักษาในระยะยาว ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามแนวทางการรักษาอย่างสม่ำเสมอ และควรปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการรักษา และปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาตามความเหมาะสม