ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ โรคเบาหวาน

“โรคเบาหวาน”เป็นโรคเรื้อรังที่แพร่หลายซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างเพียงพอ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวาน สาเหตุ อาการ และการดูแลและรักษาที่เหมาะสม บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ช่วยให้ผู้อ่านมีความรู้ใความเข้าใจเกี่ยวกับโรคเบาหวานได้อย่างรอบรู้

โรคเบาหวานคืออะไร?

โรคเบาหวาน (Diabetes) หรือที่เรียกว่าภาวะน้ำตาลในเลือดสูง เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ ร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น โดยในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดการทำลายหลอดเลือด และนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ โรคเบาหวานมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่

  1. โรคเบาหวานประเภท 1 มักได้รับการวินิจฉัยในวัยเด็กหรือวัยรุ่น เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันโจมตีและทำลายเซลล์ที่ผลิตอินซูลินในตับอ่อน ส่งผลให้ร่างกายขาดการผลิตอินซูลิน ทำให้ต้องฉีดอินซูลินหรือใช้เครื่องปั๊มอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  2. โรคเบาหวานประเภท 2 เป็นเบาหวานที่พบได้บ่อยที่สุด โดยคิดเป็นประมาณ 90% ของผู้ป่วยทั้งหมด มักจะพัฒนาในวัยผู้ใหญ่แม้ว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัยก็ตาม โรคเบาหวานประเภท 2 ร่างกายจะไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ หรือด้วยปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์ เช่น โรคอ้วน การไม่ออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาโรคเบาหวานประเภท 2
  3. โรคเบาหวานประเภท 3 เบาหวานขณะตั้งครรภ์เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์และส่งผลต่อหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 7% เป็นลักษณะของระดับน้ำตาลในเลือดสูงที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์และมักจะหายไปหลังจากการคลอดบุตร อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 ในภายหลัง

โรคเบาหวานสาเหตุเกิดจากอะไร ?

โรคเบาหวาน สาเหตุเกิดจากอะไร

สาเหตุของโรคเบาหวาน เกิดจากการที่ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงมาก จนทำให้ไตดูดกลับน้ำตาลได้ไม่หมด ซึ่งปกติไตจะมีหน้าที่ดูดกลับน้ำตาลจากสารที่ถูกกรองจากหน่วยไตไปใช้ ส่งผลให้มีน้ำตาลรั่วออกมากับปัสสาวะ จึงเป็นที่มาของคำว่า “โรคเบาหวาน” หากเราปล่อยให้เกิดภาวะเช่นนี้ไปนาน ๆ โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงตามมา

อาการของโรคเบาหวาน

อาการของโรคเบาหวานอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของโรคเบาหวาน แต่อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • ปัสสาวะบ่อย: ปัสสาวะบ่อยเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคเบาหวาน ไตทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย
  • กระหายน้ำมากเกินไป: กระหายน้ำอย่างต่อเนื่องหรือที่เรียกว่า polydipsia เป็นอาการทั่วไปของโรคเบาหวาน เมื่อร่างกายสูญเสียของเหลวมากขึ้นผ่านการปัสสาวะมากขึ้น
  • น้ำหนักลด: ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอาจมีอาการน้ำหนักลดอย่างกะทันหันและไม่ทราบสาเหตุ สิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถใช้กลูโคสได้อย่างเหมาะสม
  • แผลหายช้า: ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจทำให้เส้นประสาทถูกทำลาย และจำกัดการไหลเวียนของเลือด ส่งผลให้แผลหายช้าและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ตาพร่ามัว: ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอาจส่งผลต่อเลนส์ตา ทำให้มองเห็นไม่ชัด อาการนี้มักเกิดขึ้นชั่วคราวและจะหายไปเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระดับที่ดี

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน

  • ผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่าเกณฑ์
  • ผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี
  • ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่มีระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร 8 ชั่วโมงอยู่ระหว่าง 100-125 มก./ดล.
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน

การดูแลและรักษาโรคเบาหวาน

การดูแลและรักษา โรคเบาหวาน

โรคเบาหวานเป็นภาวะเรื้อรัง การดูแลและรักษาที่เหมาะสมสามารถช่วยให้มีสุขภาพที่ดี และสามารถจัดการโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

การควบคุมอาหาร

การรักษาโรคเบาหวานด้วยวิธีการควบคุมอาหารมีความสำคัญมากในการลดระดับน้ำตาลในเลือด และถือเป็นการรักษาหลักที่ผู้ป่วยเบาหวานทุกรายควรเข้าใจและปฏิบัติอย่างถูกต้อง โดยอาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานได้อย่างไม่จำกัดจำนวนได้แก่ ผักใบเขียวทุกชนิด เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ขาว เป็นต้น อาหารบางชนิดที่สามารถรับประทานได้ในปริมาณจำกัด เช่น ผลไม้ แนะนำให้รับประทานผลไม้ชนิดหวานน้อย เช่นฝรั่ง ชมพู่ แก้วมังกร เป็นต้น

การออกกำลังกาย

สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานการออกกำลังกายก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาโรคเบาหวานที่สำคัญ เนื่องจากจะช่วยให้อินสุลินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนะนำว่าควรออกกำลังกายชนิดแอโรบิค เช่น วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ให้ได้อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ และออกกำลังกายชนิดต้านน้ำหนัก เช่น การยกเวท เป็นเวลาอย่างน้อย 45 นาทีต่อวัน 2 วันต่อสัปดาห์ และไม่ควรนั่งอยู่เฉย ๆ หรือนอนเล่นพักผ่อนเกิน 90 นาที หากเกินควรลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบท

การใช้ยา

การรักษาโรคเบาหวานโดยการใช้ยา แพทย์จะพิจารณาจากชนิดของโรคเบาหวาน เช่น เบาหวานชนิดที่ 1 ควรรักษาโดยการฉีดอินสุลินเท่านั้น ส่วนในเบาหวานชนิดที่ 2 แพทย์จะพิจารณาตามความรุนแรงของโรคและภาวะแทรกซ้อน โอกาสการเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำ และเศรษฐานะของผู้ป่วยเพื่อประกอบการพิจารณาในการเลือกใช้ยา

เบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ใกล้เคียงปกติที่สุดได้ ผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่ส่งผลต่ออวัยวะและระบบต่างๆ ในร่างกาย ได้แก่

  • โรคหัวใจและหลอดเลือด: ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเกิดโรคหัวใจ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจวาย และโรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคไต: โรคเบาหวานเป็นสาเหตุหนึ่งของไตวาย ระดับน้ำตาลในเลือดสูงสามารถทำลายไต ทำให้ความสามารถในการกรองของเสียออกจากเลือดมีประสิทธิภาพลดลง
  • เส้นประสาท: โรคเบาหวานอาจทำให้เกิดโรคปลายประสาทอักเสบ ส่งผลให้รู้สึกชา ปวดมือ ข้อเท้า
  • ภาวะแทรกซ้อนทางตา: ระดับน้ำตาลในเลือดสูงสามารถทำลายหลอดเลือดในดวงตา นำไปสู่ภาวะเบาหวานขึ้นตา ต้อกระจก และต้อหิน

ตรวจ รักษา โรคเบาหวาน ในเชียงใหม่ได้ที่ไหน ?

หากคุณมีอาการต่าง ๆ ที่คล้ายคลึงกับโรคเบาหวาน แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินินจฉัยโดยเร็ว หากตรวจพบเจอโรคก็จะได้เข้าสู่การรักษาได้อย่างทันที ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ สำหรับท่านไหนที่ต้องการ ตรวจ รักษาโรคเบาหวาน ในจังหวัดเชียงใหม่ ขอแนะนำ ฮักษาเมดิคอลคลินิก สาขากลางเวียง เชียงใหม่ ที่ให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ติดต่อเรา

  • ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
  • เปิดบริการทุกวัน
    • จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.
    • เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ ☎ 093 309 9988
  • แผนที่คลินิก 🚗 https://g.page/hugsa-medical?share
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me

อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติม

โรคเบาหวานเป็นภาวะเรื้อรังที่ซับซ้อนซึ่งต้องอาศัยความรู้และความเข้าใจ การดูแลตัวเองและได้รับการรักษาที่เหมาะสม สามารถช่วยให้มีสุขภาพที่ดี อีกทั้งยังลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทำให้คุณสามารถจัดการโรคเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด