ไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้ ด้วยวัคซีน

ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝน แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่ความจริงแล้วไข้หวัดใหญ่สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างไรก็ตาม ข่าวดีก็คือ ไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้ ด้วยวัคซีน เป็นวิธีการที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ

เชื้อสาเหตุของไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ชนิดหลัก คือ A, B, C และ D โดยชนิด A และ B เป็นสาเหตุหลักของการระบาดในมนุษย์ เชื้อไวรัสเหล่านี้มีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต้องปรับตัวอยู่เสมอเพื่อต่อสู้กับเชื้อสายพันธุ์ใหม่

การแพร่กระจายของเชื้อ

เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายได้หลายวิธี

  1. การไอหรือจาม: ละอองฝอยที่มีเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายในอากาศได้ไกลถึง 1-2 เมตร
  2. การสัมผัสโดยตรง: การจับมือหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง
  3. การสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อ: เชื้อไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวได้นานหลายชั่วโมง

อาการของไข้หวัดใหญ่

อาการของไข้หวัดใหญ่

อาการของไข้หวัดใหญ่มักจะรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้

  • ไข้สูงเฉียบพลัน (มากกว่า 38°C) ซึ่งอาจคงอยู่ได้ 3-4 วัน
  • ปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อและข้อต่อ
  • อ่อนเพลียมาก ทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
  • ไอแห้ง ซึ่งอาจคงอยู่ได้นานหลายสัปดาห์
  • เจ็บคอ มักพบในระยะแรกของการติดเชื้อ
  • ปวดศีรษะ บางครั้งอาจรุนแรงจนทำให้รู้สึกมึนงง
  • คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล ซึ่งอาจทำให้หายใจลำบาก
  • บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย โดยเฉพาะในเด็ก

โดยทั่วไป อาการของไข้หวัดใหญ่จะคงอยู่ประมาณ 5 – 7 วัน แต่ความอ่อนเพลียอาจคงอยู่ได้นานถึง 2 – 3 สัปดาห์ ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน อาการอาจรุนแรงและยาวนานขึ้น

ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่

แม้ว่าส่วนใหญ่ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะหายเป็นปกติได้เอง แต่ในบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น

  1. ปอดอักเสบ: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยและอันตรายที่สุด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว
  2. หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน: ทำให้ไอรุนแรงและเจ็บหน้าอก
  3. ไซนัสอักเสบ: อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณใบหน้าและศีรษะ
  4. หูชั้นกลางอักเสบ: พบบ่อยในเด็ก ทำให้มีอาการปวดหู
  5. ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ: เป็นภาวะที่พบได้น้อยแต่อันตรายมาก
  6. ภาวะสมองอักเสบ: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

การป้องกันไข้หวัดใหญ่

การป้องกันไข้หวัดใหญ่สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งล้วนมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ

  1. การรักษาสุขอนามัย
    • ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ
    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก และปากด้วยมือที่ไม่สะอาด
    • ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบนพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ เช่น โทรศัพท์ คีย์บอร์ด ลูกบิดประตู
  2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
    • รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 – 2 เมตรจากผู้ที่มีอาการไข้หวัดใหญ่
    • หากคุณป่วย ควรพักอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  3. สวมหน้ากากอนามัย
    • สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย
    • หากคุณมีอาการไอหรือจาม ควรสวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  4. รักษาร่างกายให้แข็งแรง
    • ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินดี
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
    • พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อคืน
    • ลดความเครียด เนื่องจากความเครียดสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้
  5. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่: วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันไข้หวัดใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกัน

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกัน

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทั่วไปแล้ว ควรฉีดวัคซีนปีละครั้งเนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์อยู่เสมอ วัคซีนจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่

  • เด็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี
  • ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน
  • สตรีมีครรภ์
  • บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 40)
  • ผู้ที่อาศัยอยู่ในสถานที่แออัด เช่น เรือนจำ สถานสงเคราะห์

ประสิทธิภาพของวัคซีน

ประสิทธิภาพของวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับความสอดคล้องระหว่างสายพันธุ์ของไวรัสในวัคซีนกับสายพันธุ์ที่ระบาดจริง โดยทั่วไปวัคซีนสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ประมาณ 40-60% ในประชากรทั่วไป แม้ว่าประสิทธิภาพอาจไม่สมบูรณ์ 100% แต่การฉีดวัคซีนยังช่วยลดความรุนแรงของอาการและโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมีนัยสำคัญ

ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีน

ในประเทศไทย ฤดูกาลของไข้หวัดใหญ่มักเริ่มต้นในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน-สิงหาคม) และอีกช่วงหนึ่งในฤดูหนาว (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนคือ

  • ช่วงต้นเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม สำหรับการป้องกันการระบาดในฤดูฝน
  • ช่วงเดือนตุลาคม สำหรับการป้องกันการระบาดในฤดูหนาว

อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนสามารถทำได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการป้องกันอย่างต่อเนื่อง

การรักษาไข้หวัดใหญ่

แม้ว่าการป้องกันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่หากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่แล้ว การรักษาที่เหมาะสมจะช่วยบรรเทาอาการและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้

การรักษาตามอาการ

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับและพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  2. ดื่มน้ำมากๆ: เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก
  3. ใช้ยาลดไข้: เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน เพื่อลดไข้และบรรเทาอาการปวดเมื่อย
  4. ใช้ยาบรรเทาอาการคัดจมูก: ยาพ่นจมูกหรือยารับประทานอาจช่วยบรรเทาอาการได้
  5. ใช้ยาแก้ไอ: สำหรับอาการไอที่รบกวนการนอนหลับ

การรักษาด้วยยาต้านไวรัส

ในบางกรณี แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัส เช่น Oseltamivir (Tamiflu) หรือ Zanamivir (Relenza) ซึ่งจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อให้ภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังเริ่มมีอาการ ยาเหล่านี้สามารถช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการ รวมถึงลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้

เมื่อใดควรพบแพทย์

ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้:

  • ไข้สูงที่ไม่ลดลงหลังจากใช้ยาลดไข้
  • หายใจลำบากหรือหอบเหนื่อย
  • อาการไม่ดีขึ้นหลังจาก 5-7 วัน หรือมีอาการแย่ลง
  • มีอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะน้อย ปากแห้ง วิงเวียนศีรษะ
  • มีอาการรุนแรงอื่นๆ เช่น ซึม สับสน เจ็บหน้าอกรุนแรง

ฮักษาคลินิก ทางเลือกในการดูแลสุขภาพและฉีดวัคซีน

ฮักษาคลินิก ทางเลือกในการดูแลสุขภาพและฉีดวัคซีน

ฮักษาคลินิกเป็นหนึ่งในสถานพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจรักษาโรคทั่วไป รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ การเลือกรับบริการที่คลินิกมีข้อดีหลายประการ

  1. ความสะดวก
    • มีสาขากระจายอยู่ทั่วไป ทำให้เข้าถึงได้ง่าย
    • เวลาทำการยืดหยุ่น มักเปิดให้บริการนอกเวลาราชการ
  2. รวดเร็ว
    • ใช้เวลารอคอยน้อยกว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่
    • ระบบการนัดหมายที่มีประสิทธิภาพ ลดเวลาการรอคอย
  3. ราคาเหมาะสม
    • มีค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลเอกชน
    • มีความโปร่งใสในการแจ้งค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
  4. บริการครบวงจร
    • นอกจากฉีดวัคซีนแล้ว ยังสามารถรับการตรวจรักษาอาการอื่นๆ ได้ด้วย
    • มีบริการตรวจสุขภาพประจำปี
    • ให้คำปรึกษาด้านการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพ
  5. บุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ
    • แพทย์และพยาบาลมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
    • มีการอบรมและพัฒนาความรู้ของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
  6. เทคโนโลยีทันสมัย
    • ใช้ระบบบันทึกข้อมูลสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Health Record) ทำให้การติดตามประวัติการรักษาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย
  7. การดูแลแบบองค์รวม
    • ให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพ นอกเหนือจากการรักษา
    • มีการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

ช่องทางการติดต่อ

  • ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
  • เปิดบริการทุกวัน
    • จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.
    • เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.
  • สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)
  • เบอร์โทรติดต่อ ☎ 093 309 9988
  • แผนที่คลินิก 🚗 https://g.page/hugsa-medical?share
  • จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me

ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมและการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี การเลือกรับบริการที่ฮักษาคลินิกหรือสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถืออื่นๆ จะช่วยให้คุณได้รับการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ทั้งการป้องกันและการรักษา เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีและห่างไกลจากไข้หวัดใหญ่