ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและฤดูฝน แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา แต่ความจริงแล้วไข้หวัดใหญ่สามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว อย่างไรก็ตาม ข่าวดีก็คือ ไข้หวัดใหญ่ ป้องกันได้ ด้วยวัคซีน เป็นวิธีการที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ
Table of Contents
เชื้อสาเหตุของไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่ เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ชนิดหลัก คือ A, B, C และ D โดยชนิด A และ B เป็นสาเหตุหลักของการระบาดในมนุษย์ เชื้อไวรัสเหล่านี้มีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต้องปรับตัวอยู่เสมอเพื่อต่อสู้กับเชื้อสายพันธุ์ใหม่
การแพร่กระจายของเชื้อ
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แพร่กระจายได้หลายวิธี
- การไอหรือจาม: ละอองฝอยที่มีเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายในอากาศได้ไกลถึง 1-2 เมตร
- การสัมผัสโดยตรง: การจับมือหรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง
- การสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อ: เชื้อไวรัสสามารถอยู่บนพื้นผิวได้นานหลายชั่วโมง
อาการของไข้หวัดใหญ่
อาการของไข้หวัดใหญ่มักจะรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้
- ไข้สูงเฉียบพลัน (มากกว่า 38°C) ซึ่งอาจคงอยู่ได้ 3-4 วัน
- ปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อและข้อต่อ
- อ่อนเพลียมาก ทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
- ไอแห้ง ซึ่งอาจคงอยู่ได้นานหลายสัปดาห์
- เจ็บคอ มักพบในระยะแรกของการติดเชื้อ
- ปวดศีรษะ บางครั้งอาจรุนแรงจนทำให้รู้สึกมึนงง
- คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล ซึ่งอาจทำให้หายใจลำบาก
- บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสียร่วมด้วย โดยเฉพาะในเด็ก
โดยทั่วไป อาการของไข้หวัดใหญ่จะคงอยู่ประมาณ 5 – 7 วัน แต่ความอ่อนเพลียอาจคงอยู่ได้นานถึง 2 – 3 สัปดาห์ ในกรณีที่มีภาวะแทรกซ้อน อาการอาจรุนแรงและยาวนานขึ้น
ภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่
แม้ว่าส่วนใหญ่ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่จะหายเป็นปกติได้เอง แต่ในบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น
- ปอดอักเสบ: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยและอันตรายที่สุด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว
- หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน: ทำให้ไอรุนแรงและเจ็บหน้าอก
- ไซนัสอักเสบ: อาจทำให้เกิดอาการปวดบริเวณใบหน้าและศีรษะ
- หูชั้นกลางอักเสบ: พบบ่อยในเด็ก ทำให้มีอาการปวดหู
- ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ: เป็นภาวะที่พบได้น้อยแต่อันตรายมาก
- ภาวะสมองอักเสบ: เป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
การป้องกันไข้หวัดใหญ่
การป้องกันไข้หวัดใหญ่สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งล้วนมีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- การรักษาสุขอนามัย
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำอย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก และปากด้วยมือที่ไม่สะอาด
- ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบนพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ เช่น โทรศัพท์ คีย์บอร์ด ลูกบิดประตู
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 – 2 เมตรจากผู้ที่มีอาการไข้หวัดใหญ่
- หากคุณป่วย ควรพักอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
- สวมหน้ากากอนามัย
- สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วย
- หากคุณมีอาการไอหรือจาม ควรสวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
- รักษาร่างกายให้แข็งแรง
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและวิตามินดี
- ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อคืน
- ลดความเครียด เนื่องจากความเครียดสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้
- ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่: วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันไข้หวัดใหญ่
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกัน
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยทั่วไปแล้ว ควรฉีดวัคซีนปีละครั้งเนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มีการกลายพันธุ์อยู่เสมอ วัคซีนจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ต่อสู้กับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่
- เด็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี
- ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน
- สตรีมีครรภ์
- บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน (ดัชนีมวลกายมากกว่า 40)
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในสถานที่แออัด เช่น เรือนจำ สถานสงเคราะห์
ประสิทธิภาพของวัคซีน
ประสิทธิภาพของวัคซีนไข้หวัดใหญ่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละปี ขึ้นอยู่กับความสอดคล้องระหว่างสายพันธุ์ของไวรัสในวัคซีนกับสายพันธุ์ที่ระบาดจริง โดยทั่วไปวัคซีนสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ประมาณ 40-60% ในประชากรทั่วไป แม้ว่าประสิทธิภาพอาจไม่สมบูรณ์ 100% แต่การฉีดวัคซีนยังช่วยลดความรุนแรงของอาการและโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อย่างมีนัยสำคัญ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีน
ในประเทศไทย ฤดูกาลของไข้หวัดใหญ่มักเริ่มต้นในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน-สิงหาคม) และอีกช่วงหนึ่งในฤดูหนาว (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดวัคซีนคือ
- ช่วงต้นเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม สำหรับการป้องกันการระบาดในฤดูฝน
- ช่วงเดือนตุลาคม สำหรับการป้องกันการระบาดในฤดูหนาว
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนสามารถทำได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่ควรได้รับการป้องกันอย่างต่อเนื่อง
การรักษาไข้หวัดใหญ่
แม้ว่าการป้องกันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่หากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่แล้ว การรักษาที่เหมาะสมจะช่วยบรรเทาอาการและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้
การรักษาตามอาการ
- พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับและพักผ่อนจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
- ดื่มน้ำมากๆ: เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก
- ใช้ยาลดไข้: เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน เพื่อลดไข้และบรรเทาอาการปวดเมื่อย
- ใช้ยาบรรเทาอาการคัดจมูก: ยาพ่นจมูกหรือยารับประทานอาจช่วยบรรเทาอาการได้
- ใช้ยาแก้ไอ: สำหรับอาการไอที่รบกวนการนอนหลับ
การรักษาด้วยยาต้านไวรัส
ในบางกรณี แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัส เช่น Oseltamivir (Tamiflu) หรือ Zanamivir (Relenza) ซึ่งจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อให้ภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังเริ่มมีอาการ ยาเหล่านี้สามารถช่วยลดระยะเวลาและความรุนแรงของอาการ รวมถึงลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนได้
เมื่อใดควรพบแพทย์
ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้:
- ไข้สูงที่ไม่ลดลงหลังจากใช้ยาลดไข้
- หายใจลำบากหรือหอบเหนื่อย
- อาการไม่ดีขึ้นหลังจาก 5-7 วัน หรือมีอาการแย่ลง
- มีอาการของภาวะขาดน้ำ เช่น ปัสสาวะน้อย ปากแห้ง วิงเวียนศีรษะ
- มีอาการรุนแรงอื่นๆ เช่น ซึม สับสน เจ็บหน้าอกรุนแรง
ฮักษาคลินิก ทางเลือกในการดูแลสุขภาพและฉีดวัคซีน
ฮักษาคลินิกเป็นหนึ่งในสถานพยาบาลที่ให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจรักษาโรคทั่วไป รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ การเลือกรับบริการที่คลินิกมีข้อดีหลายประการ
- ความสะดวก
- มีสาขากระจายอยู่ทั่วไป ทำให้เข้าถึงได้ง่าย
- เวลาทำการยืดหยุ่น มักเปิดให้บริการนอกเวลาราชการ
- รวดเร็ว
- ใช้เวลารอคอยน้อยกว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่
- ระบบการนัดหมายที่มีประสิทธิภาพ ลดเวลาการรอคอย
- ราคาเหมาะสม
- มีค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลเอกชน
- มีความโปร่งใสในการแจ้งค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
- บริการครบวงจร
- นอกจากฉีดวัคซีนแล้ว ยังสามารถรับการตรวจรักษาอาการอื่นๆ ได้ด้วย
- มีบริการตรวจสุขภาพประจำปี
- ให้คำปรึกษาด้านการป้องกันโรคและการดูแลสุขภาพ
- บุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ
- แพทย์และพยาบาลมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
- มีการอบรมและพัฒนาความรู้ของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
- เทคโนโลยีทันสมัย
- ใช้ระบบบันทึกข้อมูลสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Health Record) ทำให้การติดตามประวัติการรักษาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย
- การดูแลแบบองค์รวม
- ให้ความสำคัญกับการป้องกันโรคและการส่งเสริมสุขภาพ นอกเหนือจากการรักษา
- มีการติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
- การตรวจคัดกรองและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่ฮักษาคลินิกเชียงใหม่
- ตรวจเอชไอวี เชียงใหม่ | ทางเลือกที่ปลอดภัยและเป็นมิตร
ช่องทางการติดต่อ
- ฮักษาคลินิก กลางเวียง เชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ 77/7 ถนน คชสาร ตำบลช้างคลาน อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่
- เปิดบริการทุกวัน
- จันทร์ – ศุกร์ 10.00 – 20.00 น.
- เสาร์ – อาทิตย์ 10.00 – 18.00 น.
- สอบถามผ่าน Line id. @hugsaclinic (มี @ ด้วยนะครับ)
- เบอร์โทรติดต่อ 093 309 9988
- แผนที่คลินิก https://g.page/
hugsa-medical?share - จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me
ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมและการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี การเลือกรับบริการที่ฮักษาคลินิกหรือสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถืออื่นๆ จะช่วยให้คุณได้รับการดูแลสุขภาพอย่างครบวงจร ทั้งการป้องกันและการรักษา เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีและห่างไกลจากไข้หวัดใหญ่