ไวรัสตับอักเสบบีถือเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญ ของโลกไปแล้ว ประเทศไทยเองเป็นประเทศที่มีโรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี อยู่มาก โดยมีผู้ที่เป็นพาหะ หรือผู้ที่มีเชื้อไวรัสบีอยู่ในกระแส เลือดถึงร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมดหรือประมาณ 9 ล้านคน ขณะที่ ทั่วโลกมีการประมาณการกันว่ามีผู้ที่เป็นพาหะของเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมาก กว่า 350 ล้านคน และร้อยละ 75 เป็นคนเอเชีย (Information Center for Emerging Infectious Diseases, Chulalongkorn University) ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องมองเรื่องโรคไวรัสตับอักเสบบีอย่างจริงจัง

ไวรัสตับอักเสบบีคืออะไร?

ไวรัสตับอักเสบบี เป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่พบในตับ เรียกว่าเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นได้ง่าย และการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ตับ และการอักเสบจะทำให้เซลล์ตับตาย หากเป็นเรื้อรังจะเกิดพังผืด ตับแข็ง และมะเร็งตับได้

ไวรัสตับอักเสบบีติดต่อได้อย่างไร ?

  • การมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
  • การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
  • การใช้เข็มสักตามตัวหรือสีที่ใช้สักตามตัวร่วมกัน และการเจาะหู
  • การใช้แปรงสีฟัน มีดโกน ที่ตัดเล็บร่วมกัน
  • การติดเชื้อขณะคลอดจากแม่ที่มีเชื้อ (ถ้าแม่มีเชื้อลูกมีโอกาสได้รับเชื้อ 90%)
  • การสัมผัสกับเลือด น้ำเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล
อย่างไรก็ดี เชื้อนี้จะไม่ติดต่อกันทางลมหายใจ อาหารหรือน้ำดื่ม การให้นม และการจูบกัน (ถ้าปากไม่มีแผล)

อาการไวรัสตับอักเสบบี

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบบีแบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ

ระยะเฉียบพลัน

  • ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 1-4 เดือนหลังติดเชื้อ ดังนี้
    • อาการไข้ ตัวเหลืองตาเหลือง ปวดท้องใต้ชายโครงขวา
    • อาการอื่นๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ผื่น ปวดข้อ
  • ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง เกิดจากการที่เซลล์ตับถูกทำลายเป็นจำนวนมาก ในกรณีนี้อาจทำให้เกิดภาวะตับวายได้
  • อาการตับอักเสบระยะเฉียบพลันจะดีขึ้นใน 1-4 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติเมื่อร่างกายสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ ซึ่งมักใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน แต่ผู้ป่วยส่วนน้อย (5-10%) ไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้หมด ทำให้ผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง

ระยะเรื้อรัง

  • ระยะเรื้อรังแบ่งผู้ป่วยได้เป็น 2 กลุ่มคือ
    • พาหะ คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย ผู้ป่วยจะไม่มีอาการแต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ผลการตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ ดังนั้นก่อนแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีก่อน
    • ตับอักเสบเรื้อรัง คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ
  • ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่มีอาการ บางรายอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือเบื่ออาหารได้
  • การติดเชื้อแบบเรื้อรังพบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด

โรคไวรัสตับอักเสบบีรักษาหายไหม?

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแบบเฉียบพลัน มีโอกาสรักษาหายขาดได้ แต่ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง และยังคงตรวจพบเชื้ออยู่ อาจนำไปสู่ภาวะตับแข็ง หรืออาจเป็นมะเร็งตับได้ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนในการรักษาต่อไป

การป้องกันไวรัสตับอักเสบบี

วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี คือ การสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบบี โดยการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี จะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นในคนส่วนใหญ่ ซึ่งปกติถ้ามีภูมิแล้วจะป้องกันการติดเชื้อได้ตลอดชีวิต

วิธีการปฏิบัติตัวหากติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

  1. รับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
  2. รับการตรวจเลือดเพื่อติดตามอาการ ตามแพทย์แนะนำ
  3. บอกให้คนใกล้ชิดทราบ หากคนใกล้ชิดไม่มีภูมิคุ้มกันอาจพิจารณาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
  4. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยการสวมถุงยางอนามัย
  5. งดบริจาคโลหิต
  6. ไม่ดื่มสุรา ของมึนเมา
  7. ไม่ใช้ยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์
  8. พักผ่อนให้เพียงพอ

ใครบ้างควรฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี

  1. ทารกคลอดจากมารดาที่เป็นพาหะ
  2. ทารกแรกเกิดทุกราย
  3. บุคคลที่อาศัยบ้านเดียวกับผู้ป่วยที่เป็นพาหะและยังไม่มีภูมิคุ้มกัน
  4. ผู้ที่ทํางานเสี่ยงต่อการติดโรค เช่น บุคลากรทางการแพทย์
  5. เด็กอายุ 7-15 ปี ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันจากไวรัสตับอักเสบบี
  6. ผู้ใหญ่ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันจากไวรัสตับอักเสบบี *ข้อ 3-6 ควรตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีเชื้อหรือภูมิคุ้มกันหรือไม่ก่อนฉีดวัคซีน การฉีดวัคซีนต้องฉีด 3 เข็มในระยะห่างกัน 0, 1, 6 เดือน ตามลำดับ

ตรวจหรือรักษาไวรัสตับอักเสบบีได้ที่ไหน ?

หากคุณต้องการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี รักษาไวรัสตับอักเสบบี หรือ รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี สามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ Hugsa Clinic กลางเวียง เชียงใหม่ ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จะทำให้คุณได้รับการรักษา และการป้องกัน อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ติดต่อเรา