การระบาดของโรคซิฟิลิสในปัจจุบัน  พบมากที่สุดในกลุ่มวัยรุ่นช่วงมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย  อายุระหว่าง 15-24 ปี   เนื่องจากเป็นวัยเจริญพันธุ์ มีเพศสัมพันธ์เร็ว และยังขาดความเข้าใจเรื่องเพศศึกษา รวมถึงวัยรุ่นในปัจจุบันใช้ชีวิตที่อิสระมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าหรือเพศสัมพันธ์แบบ One night stand นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มวัยรุ่นใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคจากเพศสัมพันธ์น้อยมาก บางคนอาจคิดว่าตนไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงเนื่องจากไม่ได้เปลี่ยนคู่นอนบ่อย จึงไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ในความเป็นจริง การมีเพศสัมพันธ์ทุกรูปแบบโดยไม่สวมถุงยางอนามัย ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ทั้งสิ้น

ซิฟิลิส คืออะไร

ซิฟิลิส (syphilis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา แพลลิดัม หรือ Treponema Pallidum เชื้อแบคทีเรียนี้จะอยู่ในเลือดและสารคัดหลั่งต่าง ๆ จากร่างกาย รวมถึงในน้ำลายด้วย สามารถติดต่อด้วยการสัมผัสกับสารคัดหลั่งต่าง ๆ เช่น การจูบ มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางอนามัย และรวมถึงการทำออรัลเซ็กซ์ ก็จะทำให้ติดเชื้อได้ หากพบเชื้อตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ปล่อยไว้ไม่รักษาจนถึงอาการระยะสุดท้าย เชื้อจะลุกลามไปยังระบบหัวใจและหลอดเลือด หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจอันตรายถึงชีวิตได้

โรคซิฟิลิส ติดต่อกันได้อย่างไร ?

          สามารถรับเชื้อซิฟิลิสได้ 3 ทาง คือ
  • ทางเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน
  • ติดต่อผ่านการสัมผัสแผลที่มีเชื้อ โดยผ่านทางผิวหนัง เยื่อบุตา ปาก
  • จากแม่สู่ลูก โดยหากมารดาเป็นซิฟิลิส จะถ่ายทอดโรคนี้สู่ทารกในครรภ์ได้

อาการของโรคซิฟิลิส

การติดเชื้อซิฟิลิสจะแบ่งเป็น 4 ระยะ โดยแต่ละระยะจะมีอาการที่แตกต่างกันออกไป

โรคซิฟิลิสระยะแฝง (Latent Stage)

ในระยะนี้การดำเนินโรคอาจกินระยะเวลานานหลายปีหลังจากได้รับเชื้อ และจะเป็นระยะที่ไม่ปรากฎอาการใดๆ ที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อซิฟิลิสเลย การเจาะเลือดไปตรวจจึงเป็นทางเดียวที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่า เกิดการติดเชื้อซิฟิลิสหรือไม่ และหากสตรีที่มีเชื้อซิฟิลิสในระยะแฝงเกิดการตั้งครรภ์ ก็อาจส่งผลให้ทารกในครรภ์ติดเชื้อได้

โรคซิฟิลิสระยะที่หนึ่ง (Primary Syphilis)

เมื่อได้รับเชื้อซิฟิลิสเข้าสู่ร่างกายแล้ว การดำเนินของโรคในระยะแรกจะแสดงอาการเริ่มต้นจากการมีแผลเล็กๆ ที่เรียกว่าแผลริมแข็ง (Chancre) ซึ่งโดยทั่วไปมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ ในเพศชายแผลริมแข็งมักจะเกิดขึ้นในบริเวณปลายหรือลำอวัยวะเพศ ในกรณีของผู้ป่วยบางรายอาจเกิดแผลซุกซ่อนอยู่ภายในบริเวณช่องคลอด หรือทวารหนัก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นเพียงตำแหน่งเดียว ทำให้ผู้ป่วยบางรายไม่รู้ตัวว่ามีแผลเกิดขึ้น เนื่องจากแผลนี้จะไม่แสดงอาการปวดและสามารถหายเองได้ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ แม้ไม่ได้ทำการรักษาใดๆ ก็ตาม

โรคซิฟิลิสระยะที่สอง (Secondary Syphilis)

เมื่อเข้าสู่ระยะที่สอง ผู้ป่วยซิฟิลิสจะปรากฎอาการสำคัญ คือ มีผื่นสีแดงน้ำตาลขึ้นที่บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และผื่นอาจกระจายไปทั่วร่างกายโดยที่ไม่เกิดอาการคัน นอกจากนี้ยังอาจพบผื่นสีเทาในปาก คอ และปากมดลูก รวมไปถึงอาจพบหูด (Condylomata Lata) ในบริเวณที่อับชื้น เช่น รักแร้ ทวารหนัก และขาหนีบ รวมถึงอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ ไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต และผมร่วง โดยอาการต่างๆ เหล่านี้จะสามารถหายไปเองได้ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่ก็สามารถกลับมาเป็นใหม่ได้เช่นเดียวกัน

โรคซิฟิลิสระยะสาม (Tertiary Syphilis)

ผู้ติดเชื้อประมาณ 15-30% จากผู้ติดเชื้อที่ไม่ได้ทำการรักษาทั้งหมดจะมีการดำเนินโรคต่อเนื่องไปสู่ระยะสาม ซึ่งเชื้อโรคจะเกิดการพัฒนาจนส่งผลต่ออวัยวะสำคัญ ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อสมอง ระบบประสาท ตา หัวใจ เส้นเลือด ตับ หรือกระดูกและข้อต่อ ซึ่งถ้าหากรักษาไม่ทันก็จะทำให้อวัยวะต่างๆ ถูกทำลายจนไม่สามารถกลับมาใช้งานอย่างเป็นปกติได้ สำหรับทารกในครรภ์ที่ได้รับเชื้อจากมารดาก็อาจเกิดความผิดปกติต่อร่างกาย พิการ รวมไปถึงการเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์หรือเสียชีวิตหลังคลอดได้

ทำกิจกรรมเหล่านี้ไม่ติดซิฟิลิส​

  • การกอด การจับมือ
  • การใช้สิ่งของเครื่องใช้ร่วมกัน
  • การรับประทานอาหารและใช้ภาชนะร่วมกัน
  • การนั่งฝารองชักโครก หรือใช้ห้องน้ำเดียวกัน
  • การว่ายน้ำในสระเดียวกัน หรือใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายร่วมกัน

การวินิจฉัยและการรักษาโรคซิฟิลิส

การตรวจและยืนยันการติดเชื้อซิฟิลิสสามารถทำได้โดยการใช้วิธีเจาะเลือดหาแอนติบอดี (Antibody) ที่ร่างกายสร้างขึ้นมา โดยแอนติบอดีต่อเชื้อซิฟิลิสนั้นจะคงอยู่ในร่างกายเป็นระยะเวลานานหลายปี ทำให้การตรวจด้วยวิธีนี้สามารถบ่งบอกถึงการติดเชื้อในอดีตได้ด้วย นอกจากนี้หากเกิดการติดเชื้อซิฟิลิสในระยะต้นและระยะที่สอง แพทย์อาจทำการเก็บตัวอย่างเซลล์จากบริเวณบาดแผลหรือบริเวณผื่นเพื่อนำไปทำการตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย แต่ถ้าหากมีการติดเชื้อโรคซิฟิลิสในระยะที่สามและเกิดอาการแทรกซ้อนทางระบบประสาท แพทย์อาจมีความจำเป็นที่จะต้องเจาะน้ำไขสันหลัง (Lumbar Puncture) เพื่อนำไปตรวจหาความผิดปกติต่อไป ในผู้ป่วยที่ตรวจพบโรคซิฟิลิสและได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ นั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยที่ไม่เกิดผลแทรกซ้อนในระยะยาว โดยวิธีรักษาโรคซิฟิลิสทำได้โดยการใช้ยาเพนิซิลลิน (Penicillin) เป็นยาปฏิชีวนะชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้าหากพบว่าผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี ก็จะสามารถรักษาและหยุดการลุกลามของโรคได้เพียงแค่ฉีดยาเพนิซิลลิน 1 เข็มเท่านั้น ในช่วงของการเข้ารับการรักษา แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าผู้ป่วยจะได้รับการยืนยันว่าหายขาดจากโรคนี้แล้วแน่นอน นอกจากนี้คู่นอนของผู้ป่วยควรเข้ารับการตรวจและวินิจฉัยโรคอย่างครบถ้วนเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อด้วยเช่นกัน

การป้องกันซิฟิลิส

แนวทางในการป้องกันโรคได้ดีที่สุดเป็นการลดความเสี่ยงจากการได้รับเชื้อ โดยเฉพาะการได้รับเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์ จึงควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคนี้ รวมไปถึง ควรมีการป้องกันโดยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งรวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ทางปากด้วย และเชื้อสามารถส่งผ่านทางการใช้เข็มฉีดยา จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันผู้อื่น

ตรวจและรักษา ซิฟิลิส ได้ที่ไหน ?

ซิฟิลิสสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ ยิ่งตรวจพบได้เร็ว ผลการรักษายิ่งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กรณีที่ต้องการรับการตรวจหรือรักษาซิฟิลิสสามารถติดต่อเข้ารับบริการได้ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือ Hugsa Clinic กลางเวียง เชียงใหม่ ที่มีแพทย์เฉพาะทางในการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาครับ แม้ปัจจุบันการแพทย์จะพัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ซิฟิลิสก็ยังระบาดอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในเหตุผลหลักคือ  ผู้ป่วยไม่ใส่ใจป้องกันด้วยการใช้ถุงยางอนามัย ไม่ระมัดระวังเรื่องการเลือกคู่นอน ใจร้อนอยากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่คิดวางแผนป้องกันใดๆ รวมถึงไม่เคยเข้ารับการตรวจโรค นอกจากนี้ผู้ติดเชื้อมักไม่แสดงอาการอย่างเด่นชัดจนกว่าจะเป็นระยะสุดท้าย ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวกลายเป็นพาหะของโรคไปโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพทางเพศเป็นประจำทุกปี แม้จะไม่มีอาการใด ๆ แสดงก็ตาม  โรคซิฟิลิสอาจจะดูรุนแรงแต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ติดต่อเรา