หูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกชนิดหนึ่งที่พบได้ไม่บ่อยนักในประเทศไทย แต่ที่ต้องควรระวังเพราะโรคนี้ถ้าติดแล้วจะรักษาหายได้ยาก บางรายอาจมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ ได้เป็นปี ๆ นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้โรคนี้ต้องพึงระวังก็คือช่องทางการติดต่อ เพราะโรคนี้สามารถติดได้เพียงแค่สัมผัสบริเวณที่มีอาการเท่านั้น

โรคหูดหงอนไก่คืออะไร ?

หูดหงอนไก่ (Genital warts) คือ หูดที่พบขึ้นบ่อยบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี หรือ “ฮิวแมน แปปิโลมา ไวรัส” (Human Papilloma Virus – HPV) ส่วนมากเกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ 6 และ 11

โดยจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยที่สุด ส่วนใหญ่จะพบได้ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ คือ ในช่วงอายุ 17-33 ปี ทั้งหญิงและชาย แต่ส่วนใหญ่จะพบได้ในผู้หญิงมากกว่า ติดต่อได้ง่าย และมีโอกาสเป็นซ้ำได้บ่อย

สาเหตุของหูดหงอนไก่

หูดหงอนไก่เกิดจาก เชื้อฮิวแมน แปปิโลมาไวรัส (Human Papillomavirus: HPV) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกันที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิง เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อกันได้ผ่านทางเพศสัมพันธ์ หรือกิจกรรมทางเพศอื่น ๆ แต่ไม่สามารถติดต่อกันผ่านการจูบ การกอด หรือการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกันได้ โรคหูดหงอนไก่สามารถติดต่อได้ทั้งชายและหญิง และจะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นหากเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ และมีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย

อาการของหูดหงอนไก่

อาการของหูดหงอนไก่ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ ติ่งเนื้อลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำที่บริเวณอวัยวะเพศหรือที่ทวารหนัก ขนาดของหูดหงอนไก่อาจมีขนาดเล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น หรือมีขนาดใหญ่จนก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วหูดหงอนไก่จะไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคือง เว้นแต่ในบางกรณีหูดหงอนไก่อาจสร้างความเจ็บปวดจนทำให้ต้องทำการรักษาเพื่อบรรเทาอาการ

ระยะการฟักตัว

ระยะในการฟักตัวหูดหงอนไก่ ประมาณ 3 สัปดาห์จนถึง 8 เดือน เชื้อไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปรบกวนการแบ่งตัวของเซลล์ชั้นล่างสุดของเยื่อบุ ทำให้เซลล์ที่แบ่งตัวเปลี่ยนรูปร่างและหน้าที่จนควบคุมไม่ได้ เกิดเป็นเนื้องอกนูนออกมา

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อโรคหูดหงอนไก่ ?

  1. ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน HPV
  2. ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อยๆ
  3. ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
  4. ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน
  5. มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันโดยใช้ถุงยางอนามัย

วิธีป้องกันโรคหูดหงอนไก่

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีที่สามารถป้องกันได้ 100% แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้โดย

  1. ไม่มีเพศสัมพันธ์
  2. ฉีด HPV วัคซีนชนิด 4 สายพันธ์ (6, 11, 16, 18) ซึ่งนอกจากจะสามารถป้องกันโรคหูดหงอนไก่ได้แล้ว วัคซีนนี้ยังสามารถป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกได้อีกด้วย
  3. ใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  4. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน
  5. ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

การรักษาหูดหงอนไก่

การรักษาหูดหงอนไก่ทำได้หลายวิธีทั้ง การใช้ยา การผ่าตัด การจี้เย็น จี้ร้อนด้วยไฟฟ้า ทำเลเซอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน แต่มีโอกาสเกิดซ้ำขึ้นได้ โดยทั่วไปหูดที่มีขนาดเล็กกว่า ย่อมจัดการได้ง่ายกว่า ถ้าขนาดเล็กกว่า 1 ตารางเซนติเมตร แพทย์จะพิจารณาสั่งยาให้ทานยา และพบว่าคนไข้ดีขึ้น โรคหูดหงอนไก่เมื่อเคยเป็นแล้วสามารถกลับมาเป็นได้อีกถึงร้อยละ 70 ในระยะเวลา 6 เดือนหลังเข้ามาพบแพทย์ในครั้งแรก สาเหตุที่กลับมาเป็นซ้ำจะเกิดจากการติดเชื้อซ้ำจากคู่นอน

วิธีการดูแลตนเอง ระหว่างรักษาหูดหงอนไก่

  • พบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ
  • หมั่นตรวจอวัยวะเพศตัวเองเพื่อหารอยโรค
  • งดมีเพศสัมพันธ์ หากจำเป็นควรใช้ถุงยางอนามัย เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำหลังสัมผัสรอยโรค
  • รับประทานอาหารสุกสะอาด
  • งดสูบบุหรี่ ดื่มสุรา สารเสพติด
  • งดสำส่อนทางเพศ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ผู้หญิงที่เป็นหูดหงอนไก่บริเวณปากมดลูก อาจเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก ควรตรวจหามะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละครั้ง
  • ระหว่างรักษาหูดหงอนไก่ หากมีอาการผิดปกติ หรือกังวลใจในอาการที่เป็นอยู่ ควรรีบพบแพทย์ก่อนนัด

หากคุณต้องการตรวจ รักษา ปรึกษาแพทย์ เกี่ยวกับโรคหูดหงอนไก่หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ขอแนะนำที่ Hugsa Clinic กลางเวียง โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ติดต่อเรา