ถุงยางอนามัย (Condom) มาจากภาษาละติน แปลว่า ภาชนะที่รองรับ ทำด้วยวัสดุจากยางพารา หรือโพลียูรีเทน โดยฝ่ายชายเป็นฝ่ายใช้สวมครอบอวัยวะเพศของตนเอง  และเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้เป็นอันดับต้นๆ สำหรับช่วยป้องกันการคุมกำเนิด และช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  ซึ่งปัจจุบันมีการผลิต และพัฒนาถุงยางอนามัยออกสู่ตลาดจำนวนมาก ในหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งที่มีสีสัน ผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ มีกลิ่น และรสผลไม้ รวมทั้งมีรูปทรงที่แปลกตามากขึ้น ซึ่งแต่ละแบบเน้นวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันไป

ถุงยางอนามัยมีกี่ชนิด

ปัจจุบันมีเพียง 2 ชนิดเท่านั้นคือ ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติและจากสารสังเคราะห์ ส่วนชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมแล้ว

ชนิดที่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ (rubber condom or latex condom)

ข้อดีคือ ราคาถูก ยืดหยุ่นได้ดีกว่าชนิดที่ทำจากลำไส้สัตว์ การสวมใส่กระชับรัดแนบเนื้อ สามารถใช้ได้ทั้งเพื่อการคุมกำเนิดและป้องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่ข้อด้อยคือ ไม่สามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นประเภทที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ เพราะจะทำให้โครงสร้างของน้ำยางเสื่อมลง ส่งผลต่อคุณภาพและการป้องกัน แต่ใช้ได้กับสารหล่อลื่นชนิดที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก (water-based lubricant)

ชนิดที่ทำจาก Polyurethane หรือ Polyisoprene (ถุงยางพลาสติก)

โดยแก้ไขข้อด้อยของถุงยางจากน้ำยางธรรมชาติ คือ เหนียวกว่า ทนต่อการฉีกขาด เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวแพ้ยางพารา สามารถใช้สารหล่อลื่นที่ผลิตจากน้ำมันปิโตรเลียม หรือน้ำมันหล่อลื่นผิวหนัง พวก Mineral oil ได้ และที่สำคัญคือสามารถทำให้บางได้ถึง 01 มิลลิเมตร ทำให้รู้สึกเสมือนไม่ได้ใส่อะไรเลย (feels like not wearing anything) แต่ราคาอาจสูงกว่าแบบน้ำยางพารา

ทำไมจึงต้องใส่ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์

เพราะ ถุงยางอนามัยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ อย่างหนึ่งที่ ใช้เพื่อการคุมกำเนิด หรือเพื่อป้องกันการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ซิฟิลิส หนองใน หูดหงอนไก่ เชื้อเอชไอวี โรคเอดส์ ไวรัสตับอักเสบบีและซี เป็นต้น  ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัย ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ซึ่งสามารถป้องกันได้มากถึงร้อยละ 98%

วิธีเลือกขนาดถุงยางอนามัย

เรื่องที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อถุงยางอนามัยคือ ”การวัดขนาด” ของน้องชาย เราจะต้องวัดในขณะแข็งตัวเต็มที่ โดยจะวัดขนาดของเส้นรอบวงว่ามีขนาดประมาณเท่าไหร่ อาจมีหลายคนวัดขนาดผิด ไปวัดตามความยาวของน้องชายแทน โดยมาตรฐานสำหรับขนาดน้องชายของผู้ชายไทยอยู่ที่ 52 มิลลิเมตร เมื่อวัดแล้วสามารถเทียบกับตารางเทียบไซซ์ถุงยางได้เลยครับ ตารางเทียบขนาดถุงยาง (มม.) รองรับ เส้นรอบวงของน้องชาย (ซม.) หรือ (นิ้ว) 🍆49 มม : รอบวง11-12ซม/ประมาณ 4.5 นิ้ว 🍆52 มม : รอบวง12-13ซม/ประมาณ 5 นิ้ว 🍆54 มม : รอบวง13-14ซม/ประมาณ 5.5 นิ้ว 🍆56 มม : รอบวง14-15ซม/ประมาณ 6 นิ้ว

ประโยชน์ของถุงยางอนามัย

  • คุมกำเนิด หน้าที่ของถุงยางอนามัยคือการป้องกันไม่ให้อสุจิเล็ดลอดเข้าไปในบริเวณช่องคลอดได้ ซึ่งการสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์จะช่วยให้มีโอกาสคุมกำเนิดได้มากขึ้น เมื่อมีการสวมถุงยางอนามัยที่ถูกวิธี ดังนั้นควรสวมถุงยางตลอดเวลาที่มีเพศสัมพันธ์ และสังเกตให้ดีก่อนว่าถุงยางอนามัยที่สวมอยู่นั้นรั่วหรือชำรุดหรือไม่
  • ป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ นอกเหนือจากการป้องการการตั้งครรภ์แล้ว ถุงยางอนามัยยังช่วยลดโอกาสการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่างๆ เช่น โรคเอดส์ กามโรค หนองใน ซิฟิลิส เป็นต้น เพราะการรติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกันโดยตรงของสารคัดหลั่งและอวัยวะเพศ ทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคหรือเชื้อไวรัสได้ง่าย
  • ลดการบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ ถุงยางอนามัยมีส่วนผสมของสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อใช้ขณะมีเพศสัมพันธ์จะทำให้ลดโอกาสบาดเจ็บของอีกฝ่ายได้ ทั้งนี้ถุงยางอนามัยสามารถใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นได้อีกด้วย
  • ช่วยเพิ่มอรรถรสทางเพศได้ ถุงยางอนามัยในปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานได้หลายรูปแบบ ทั้งผิวเรียบ ผิวไม่เรียบ ผิวขรุขระ มีสี มีกลิ่น ให้เลือกใช้งานได้ตามรสนิยมของผู้ใช้งาน จึงทำให้ช่วยเพิ่มอรรถรสในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้

ข้อควรระวังในการใช้ถุงยาง

สิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อให้การใช้ถุงยางอนามัยมีประสิทธิภาพสูงสุด มีดังนี้
  • เลือกถุงยางอนามัยให้ถูกขนาด หากใช้ขนาดเล็กเกินไป ถุงยางอาจแตกหรือขาดได้ หากใช้ขนาดใหญ่เกินไป ถุงยางอาจจะหลุดออกขณะมีเพศสัมพันธ์
  • ตรวจดูวันที่ผลิตและวันหมดอายุบนบรรจุภัณฑ์ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
  • ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในที่ที่เย็นและแห้ง ไม่ควรเก็บในที่ร้อน เนื่องจากสภาวะดังกล่าวสามารถทำให้เนื้อยางเสื่อมสภาพได้
  • ไม่ควรเก็บถุงยางอนามัยไว้ในกระเป๋าสตางค์หรือกระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพราะอาจทำให้มีการกดทับ ส่งผลให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดง่าย
  • ฉีกซองถุงยางด้วยมือ ไม่ควรใช้กรรไกรตัดหรือใช้ฟันกัด เนื่องจากอาจทำให้ถุงยางฉีกขาด ก่อนใช้อย่าลืมตรวจดูให้แน่ใจว่าถุงยางอยู่ในสภาพดี
  • ใส่และถอดถุงยางอย่างถูกวิธี หลักๆ คือ สวมใส่ถุงยางเมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่แล้ว ไม่ลืมบีบปลายกระเปาะของถุงยางเพื่อไล่อากาศออกให้หมดก่อนสวมใส่ แล้วรูดถุงยางจนสุด
  • หากจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งต่อไป แม้จะเป็นในคืนเดียวกัน ก็ต้องเปลี่ยนใช้ถุงยางอันใหม่เสมอ
  • ห้ามใช้สารหล่อลื่นสูตรน้ำมัน (oil-based lubricants) รวมถึงพวกสารอย่างอื่นที่ไม่ใช่สารหล่อลื่นโดยเฉพาะ เช่น ครีมทาผิว วาสลีน น้ำมันพืช ร่วมกับถุงยางเด็ดขาด เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่าย หากรู้สึกว่ามีน้ำหล่อลื่นไม่เพียงพอควรเลือกใช้สารหล่อลื่นสูตรน้ำ (water-based lubricants) หรือสูตรซิลิโคนแทน
การมีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่น ควรป้องกันตัวเองและผู้อื่นด้วยการใช้ถุงยางอนามัยจะช่วยลดปัญหาที่ตามมาภายหลัง ทั้งการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นการป้องกันจึงเริ่มจากการเปลี่ยนทัศนคติต่อการใช้ถุงยางอนามัย ตั้งแต่ตอนที่ไปซื้อมาใช้ก็ไม่ควรเขินอายเพราะกลัวว่าจะถูกล้อเลียน หรือการยืดอกพกถุงไว้กับตัวเองตลอดเวลา ก็ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ ตลอดจนถึงการใช้งานที่ถูกวิธีก็เป็นอีกสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรรู้และเข้าใจก่อนการมีเพศสัมพันธ์

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ติดต่อเรา