ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี ควรทำความเข้าใจ และ ศึกษาวิธีการดูแลรักษาตนเอง อย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้ ร่างกายได้รับความเสี่ยง ต่อการติดเชื้อ ลุกลามไปสู่ภาวะโรคเอดส์ หากคุณปฏิบัติตามที่แพทย์สั่ง และทานยาตรงเวลาทุกวันไม่ให้ขาด ก็จะทำให้คุณสุขภาพแข็งแรง เหมือนคนปกติ และมีอายุ ที่ยาวนานเทียบเท่ากับ คนที่ไม่ได้ติดเชื้อ
Table of Contents
เอชไอวี และ เอดส์ คืออะไร ?
เอชไอวี (HIV) เป็นเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เชื้อไวรัสเอชไอวีจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า CD4 ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันโรคของร่างกายลดต่ำลง ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อของโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้ เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หากไม่ได้ทำการรักษา บางครั้งอาการอาจจะรุนแรงจนเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตได้
เอดส์ (AIDS) เป็นภาวะป่วยขั้นสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ที่ไปทำลายเม็ดเลือดขาว ทำให้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจนไม่สามารถต่อสู้กำจัดการติดเชื้อที่เข้าสู่ร่างกาย จึงเกิดอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการใดรักษาเอดส์ให้หายขาด มีเพียงแต่ยาที่ช่วยชะลอการพัฒนาโรคและลดอัตราการเสียชีวิตจากเอดส์
อาการ เอชไอวี
เมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วย เชื้อไวรัสจะเริ่มทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจนอ่อนแอลง โดยแสดงอาการลักษณะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป หลังจากนั้นอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์ และจะไม่แสดงอาการอีกในระยะเวลาหลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่กระจายเชื้อเอชไอวีไปยังผู้อื่นได้ง่ายและเชื้อเอชไอวีจะค่อย ๆ โจมตีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยทำลายเซลล์ CD4 ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่สำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ส่งผลให้การแสดงอาการของผู้ติดเชื้อแต่ละบุคคลจะมีความช้าเร็วแตกต่างกันตามความแข็งแรงของร่างกาย
เอชไอวี มีกี่ระยะ?
เอชไอวีจะแบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ
- ระยะเฉียบพลัน เป็นระยะที่เกิดขึ้นในช่วง 2-4 สัปดาห์หลังจากติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยในระยะนี้จะมีเชื้ออยู่ในเลือดเป็นจำนวนมาก และแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย
- ระยะอาการสงบ เป็นระยะที่เชื้อยังคงอยู่ในร่างกาย แต่มีอัตราการเพิ่มจำนวนของเชื้ออยู่ในปริมาณต่ำ ทำให้ผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้เห็น แต่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้
- ระยะเอดส์ หากผู้ป่วยไม่รับประทานยาหรือไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้เชื้อเอชไอวีเพิ่มจำนวนขึ้นและทำลายภูมิคุ้มกัน เป็นเหตุให้อาการของผู้ป่วยเข้าสู่ระยะเอดส์
วิธีดูแลตนเอง ไม่ให้ไปสู่ภาวะเอดส์
- ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคให้มากที่สุด
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ทานยาต้านไวรัส หรือทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดตรงเวลา
- บอกคนรอบข้างว่าตนเองเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี
- การป้องกันตนเองจากการติดเชื้ออื่น ๆ เพิ่มเติม
- ลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อเอชไอวีสู่ผู้อื่น
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ดูแลสุขภาพจิต
- งดสูบบุหรี่ เลิกใช้ยาเสพติด
การป้องกัน เอชไอวี
แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีวิธีการรักษาเอชไอวีให้หายขาดได้ แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ คือ
- ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ตรวจสุขภาพประจำปีและตรวจเลือดอย่างสม่ำเสมอ
- ใช้ยา PrEP สำหรับผู้ที่ไม่มีเชื้อเอชไอวี แต่มีความเสี่ยงสูง
- ใช้ยา PEP สำหรับต้านไวรัสภายในเวลา 72 ชั่วโมง หลังจากสัมผัสเชื้อ
การรักษา เอชไอวี
ในปัจจุบันไม่มียาหรือวิธีการรักษาใดที่จะกำจัดเชื้อให้หมดไปได้ การรักษาเอชไอวีมีเพียงการใช้ยาต้านไวรัส (antiretroviral drugs หรือเรียกย่อว่า ARV) ทำหน้าที่ยับยั้งหรือต้านการแบ่งตัวของเชื้อเอชไอวี ทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตที่ยืนยาวแบบคนปกติทั่วไปและ ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อลุกลามไปสู่ภาวะโรคเอดส์
ตรวจเอชไอวี เชียงใหม่ได้ที่ไหน?
เอชไอวียิ่งตรวจพบร็ว ยิ่งเข้าสู่กระบวนการรักษาเร็ว ในปัจจุบันสามารถตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีได้อย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวี และป้องกันการดำเนินโรคไปสู่ระยะโรคเอดส์ หากพบว่ามีพฤติกรรมเสี่ยง ควรรีบทำการตรวจและรักษาโดยเร็วที่สุด โดยหนึ่งในช่องทางที่สะดวกสบาย เข้าถึงง่าย สามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองหรือเข้ารับการรักษา ได้ที่ Hugsa Clinic กลางเวียง เชียงใหม่ โดยแพทย์เฉพาะทาง ที่ได้รับวุฒิบัตรรับรองจากสถาบันทางการแพทย์ในประเทศและต่างประเทศ
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ติดต่อเรา
- สอบถามเพิ่มเติมกับเราที่นี่ Hugsa Clinic
- Line id @hugsaclinic
- โทร 093 309 9988
- เปิดทุกวัน 10:00-18:00 น.
- แผนที่คลินิก https://g.page/hugsa-medical?share
- เว็บไซต์ www.hugsaclinic.com
- จองคิวตรวจออนไลน์ https://hugsa.youcanbook.me